วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

96.เรียนเปียโนเพื่ออะไร

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอแทรกรีวิวนิทานภาษาอังกฤษเป็นบทความเกี่ยวกับการเรียนเปียโนนะคะ ขอออกตัวก่อนว่าลูกไม่ได้เก่งเปียโนมาก แค่เรียนตามโปรแกรมเท่านั้นเอง แต่เล็กอยากจะแบ่งปันข้อมูล ข้อสรุป และประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนเปียโนให้ทราบกัน

เมื่อครั้งตอนเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับลูก ลูกต่อต้านมากเนื่องจากเริ่มตอนเค้าพูดไทยได้แล้ว เค้าไม่คุ้นกับภาษาและท่าทางแปลกๆของแม่เลย ลูกวิ่งหนีไม่คุยด้วย หันไปคุยกับพ่อแทน บอกว่าแม่พูดไม่รู้เรื่อง แต่แล้วในที่สุดเวลาก็ได้ช่วยให้ลูกพูดกับแม่ในวันนี้ว่า Mommy, don't speak Thai , ok? เนื่องจากบางครั้งแม่เริ่มจะพูดไทยบ้างในเวลาซ้อมเปียโน...... ในบางครั้งที่ท้อกับลูกเล็กก็จะหันกลับไปมองว่า ภาษาอังกฤษเรายังผ่านมาได้ ทำไมเรื่องเปียโนเราจะก้าวผ่านมันไม่ได้.....

หลังจากเริ่มพูดอังกฤษกับลูกมาปีกว่าๆ เล็กก็คิดว่าจะให้ลูกเริ่มเรียนเปียโน ทำไมเลือกเปียโน ลึกๆแล้วอาจจะเพราะว่า "เราอยากเล่นเปียโน" ตอนเด็กๆพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนเปียโน เราฝันว่าอยากจะเล่นเปียโนเป็น ก็เลยพาลูกไปบังหน้า 55555  เพราะว่าเวลาเรียนต้องเรียนด้วยกัน (แต่ตอนนี้ตามลูกไม่ทันแล้ว) เล็กพาลูกไปดูเค้าเรียนตั้งแต่ยังไม่ 4 ขวบ เค้าบอกว่าต้องรอให้น้องอายุครบ 4 ขวบก่อน (ที่จริงก็มีคอร์สสำหรับเด็ก 3 ขวบ แต่ว่าคนไม่พอก็เลยไม่ได้เปิดสอน) โดยเลือกที่เรียนใกล้บ้านที่สุด ไปง่ายสุด ถ้าพ่อไม่ว่างพาไป เราไปเองได้ โดยไม่เดือดร้อน เพราะรู้ว่ามันเลิกเรียนง่ายสุด ยอมแพ้ง่ายสุด ถ้าลูกไม่ร่วมมือ

เมื่อลูกอายุ 4 ขวบ 3 เดือน ก็พาไปสมัครเรียนเลย โดยลูกก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง หลังจากเรียนลูกก็ดูเหมือนจะชอบ เพราะว่าชอบร้องเพลงอยู่แล้ว แล้วก็มีการบ้านให้ฝึกซ้อมที่บ้าน มันเป็นอะไรที่เหนื่อยเหลือเกินสำหรับการ ชักจูง โน้มน้าว หว่านล้อม ให้รางวัล ให้เด็กๆฝึกซ้อมตามบทเรียนที่เรียนมาในวันนั้นๆ ไม่รู้จะหาคำอะไรมาอธิบาย บางครั้งลูกก็บอกว่าไม่เรียนแล้ว เบื่อ บ่น ไม่อยากซ้อม เราก็ต้องดึงกลับมาทั้งๆที่เราเหนื่อยแสนเหนื่อยกับลูก โดยคุณพ่อบอกว่าถ้าฝืนเกินไปก็เลิกเรียนก็ได้ แล้วค่อยมาเริ่มใหม่เมื่อลูกพร้อม เล็กก็ยังยืนยันว่าจะเรียนต่อ เพราะว่าถ้ารอให้ลูกพร้อม เล็กว่าคงจะยากมาก เพราะว่ายิ่งโตก็ยิ่งมีกิจกรรมอื่นๆแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าเราไม่บรรจุ "เปียโน" ลงในกิจวัตรตอนเด็กๆ พอโตแล้วก็คงยาก

มีคำถามว่า ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ การซ้อมเปียโนถือเป็นวินัยที่เราสามารถฝึกให้กับลูกได้ เมื่อเราทำอะไรประจำ ถี่ๆ บ่อยๆ จะเกิดความเคยชิน และเรียนรู้ว่ามันคือหน้าที่ที่ควรจะทำ ถือว่าเป็นการฝึกวินัยซึ่งควรจะให้เรียนรู้ตั้งแต่เด็ก หลังจากผ่าน 2 ปีแรกไป ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ลูกเรียนรู้ว่าต้องฝึกซ้อมทุกวัน ห้องที่เรียนมาด้วยกันตอนแรกมี 12 คน ลดเหลือ 4 คน เกาะกลุ่มกันไปแน่นอนแล้ว

เมื่อลูกอายุ 6 ขวบคุณครูเข้ามาถามว่าอยากจะลงแข่งเปียโนหรือเปล่า เล็กก็ตอบทันทีเลยว่า "ยังค่ะ" เพราะรู้ว่าลูกยังเล็กไปที่จะรับผิดชอบในการซ้อมอย่างจริงจังขนาดนั้น แต่เมื่อปีที่แล้ว (ลูกเกือบ 7 ขวบ) เล็กได้ข่าวว่าจะมีการแข่งขัน เล็กก็กลับไปถามครู ก่อนแข่งเพียงแค่ 4 เดือนว่าถ้าจะแข่งต้องทำอย่างไรบ้าง ครูทำหน้าแบบเสียใจแล้วบอกว่า เอ่อ...มันช้าไปแล้วค่ะ ปกติเด็กแข่งจะต้องเตรียมตัวกันเป็นปีนะคะคุณแม่ และต้องเรียนเดี่ยวมาก่อนด้วย เพื่อจะได้มีพื้นฐานมาก่อน แต่ลูกเราไม่เคยเรียนเปียโนเดี่ยว (เด็กคนอื่นๆในห้องก็เรียนเดี่ยวคู่กับกลุ่ม)
อาทิตย์ต่อมาเหมือนครูจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ครูถามว่ายังอยากจะแข่งไหม ครูจะสอนเพลงที่จะแข่งให้ ถ้าสามารถเล่นได้ พอไปไหว ทนได้ ครูก็จะสอนต่อ แต่ถ้าเด็กไม่สามารถรับไหวก็จะได้เลิกไป ครูไม่เก็บตังค์ แต่แล้วเนยก็สามารถเล่นเพลงที่ครูสอนให้ได้ในเวลาสั้นๆ ครูถึงกับพยักหน้า โอเค (เริ่มเก็บเงินแล้ว อิอิ)

ระหว่างซ้อมก็มีการเสียน้ำตากันตลอด ครูจริงจังกับการซ้อมเพื่อแข่งมาก แต่เราแค่ต้องการให้ลูกเรียนรู้การทำอะไรด้วยความตั้งใจ มีวินัยเท่านั้นเอง ไม่ได้หวังรางวัลอะไรเลย 4 เดือนกับการเรียน  3 เพลงเป็นช่วงเวลาที่เราและลูกได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆมากมาย จนในที่สุดการแข่งขันก็มาถึง ไม่น่าเชื่อว่าเนยสามารถผ่านเข้ารอบไปได้ ตอนประกาศรางวัลเราถึงกับอึ้งเลย ครูก็บอกว่าเนยเค้าก็เล่นดี

หลังจากผ่านเข้ารอบมาแล้วก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศ ครั้งนี้ถามลูกก่อนเลยว่า "จะไปต่อไหม" เพราะว่ามันจะต้องยากขึ้น เพลงยากขึ้น การซ้อมเข้มข้นขึ้น ลูกสมัครใจบอกเองเลยว่า "ไปต่อ" ระยะเวลาเกือบ 5 เดือนกับเพียงแค่ 2 เพลง สำหรับคนอื่นอาจจะดูไร้สาระ แต่สำหรับเราถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบเร่งรัดได้ดีมาก ครูเลือกเพลงที่มีเทคนิคมากมายอยู่ในเพลงเพื่อจะให้เด็กได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ไม่ได้เลือกเพลงง่ายๆที่ถ้าเล่นดีๆอาจได้รางวัล ครูบอกก่อนเลยว่าไม่ต้องหวังรางวัลเพราะว่าเรายังซ้อมน้อยกว่าคนอื่น แต่ให้เรียนเพื่อรู้ และขึ้นเวทีด้วยความรู้สึก "อยากโชว์เพลงเพราะๆให้กรรมการและคนฟังได้ฟังกัน"

เมื่อวานนี้เราไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศมา ได้เห็นเด็กๆเล่นเปียโนได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ พริ้วกันมากมาย รู้สึกเลยว่าเค้าคงต้องซ้อมกันอย่างจริงจังมากๆ คนละชั้นกันเลยกับลูกเรา 555555 แต่เนยก็สามารถเล่นได้ดีบนเวที ดีกว่าตอนซ้อม ครูพอใจมาก แม้เราจะไม่ได้รับรางวัลใดๆ ได้แค่ประกาศนียบัตร "ดีเด่น" เท่านั้นเอง (ซึ่งได้กันทุกคน)

หลังการแข่งขันผ่านพ้น ลูกได้เรียนรู้หลายอย่าง การมีวินัยในการซ้อม ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับหลายๆอย่างในชีวิตประจำวัน การรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ หรือเรื่องที่ต้องทำ เล็กคิดว่าอันนี้แหละจะเป็นเกราะป้องกันให้ลูกในอนาคต เมื่อลูกต้องเจอกับเรื่องต่างๆในชีวิต เล็กคิดว่าเค้าต้องสามารถผ่านพ้นไปได้ เพราะว่าเค้ามีภูมิคุ้มกันแล้ว

สำหรับใครที่อยากจะให้ลูกเรียนเปียโน เล็กคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ ดนตรีดีกับสมองอยู่แล้ว นอกจากนั้นเด็กจะมีสมาธิดีในการทำสิ่งต่างๆอีกมากค่ะ

สุดท้ายต้องขอขอบคุณครูหมู รุ่งนภา ว่องพิสุทธิพงศ์ ที่ทุ่มเทสั่งสอนเนยให้ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆมากมาย จากเด็กที่ไม่เคยได้เรียนรู้อะไรนอกจากบทเรียนในห้องเรียนกลุ่มมาก่อน ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง เรียนแล้วไม่จำ เรียนแล้วลืม ครูคอยกระตุ้นตลอด แค่ครูบอกว่า "เนยมาไกลเกินกว่าที่ครูคิด" แค่นี้เราก็ดีใจมากแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น