วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

123.The Jolly Christmas Postman

By Janet & Allan Ahlberg
 กลับมาอีกแล้วค่ะ เรื่องเกี่ยวกับบุรุษไปรษณีย์คนเดิมที่นำจดหมายน่ารักๆ พร้อมกับเรื่องราวสนุกๆไปให้แต่ละครอบครัวซึ่งเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มาคราวนี้หนังสือหนามาก เมื่อเล็กเจอในกล่องรีบตะครุบออกมาดู ราวกับเจอสมบัติยังไงอย่างงั้น เพราะรู้ว่าจะต้องมีจดหมายหรือการ์ดน่ารักๆมากมายที่สอดเข้ามาในหนังสือแต่ละหน้าที่ทำเป็นซองจดหมาย และต้องได้สนุกและหัวเราะอีกแน่ๆกับมุกน่ารักๆที่นักเขียนสอดใส่เข้ามาในเรื่องเกี่ยวกับวันคริสต์มาส

Jolly บุรษไปรษณีย์ ขี่จักรยานไปส่งจดหมายในวันคริสต์มาสอีฟที่มีหิมะปกคลุมตลอดเส้นทาง บ้านแรกที่เค้าแวะเป็นบ้านลูกหมี ภายในเป็นการ์ดวันคริสต์มาสจากโกลดิล็อก หลังจากนั้นเค้ามาแวะที่บ้านที่สองเป็นบ้านของหนูน้อยหมวกแดง โดยเจ้าหมาป่าได้ส่งเกมมาให้หนูน้อยหมวกแดงเล่น โดยไม่ลืมบอกว่าตอนนี้เค้าเป็นหมาป่าที่เปลี่ยนไปแล้ว (น่าจะใจดีขึ้นหรือเปล่าคะ....)

หลังจากนั้นบุรุษไปรษณีย์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อนำเอาจิ๊กซอว์จากพระราชาไปให้ Humpty Dumpty ต่อไปเป็นบ้านของ Gingerbread Boy ได้รับหนังสือเล่มเล็กๆจากร้านเบเกอรี่ แล้วบ้านต่อไปก็ทำให้บุรุษไปรษณีย์ขนลุก เพราะเป็นบ้านของเจ้าหมาป่า จดหมายส่งมาจากหนูน้อยหมวกแดง,ลูกหมูสามตัวและแม่ไก่แดง เป็นโปสเตอร์เตือนภัยเรื่องหมาป่า

หิมะเริ่มตกแล้ว บุรษไปรษณีย์ขี่จักรยานจนไปถึงบ้านของซานตาคลอส และได้รับของขวัญจากซานตาคลอสน่ารักมากๆเลยค่ะ บุรษไปรษณีย์หาทางกลับมาถึงบ้าน นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน
 Merry Christmas

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

122.Christopher Churchmouse Classics

By Barbara Davoll
Pictures by Dennis Hockerman
 สะดุดตากับหนังสือนิทานปกแข็งสีสดใสทั้งสามเล่มนี้มาก ตอนแรกเจอเล่มเดียวจึงนำออกมาโชว์ที่ชั้นโดยแค่เปิดด้านในผ่านๆไม่ได้นั่งอ่านเป็นกิจลักษณะ จนได้เจออีก 2 เล่ม ทำให้เริ่มสนใจว่ามันคงมีอะไรดีจึงสามารถทำออกมาเป็นซีรีย์ ยอมรับว่าตัวหนังสือเยอะ เรื่องยาว แต่อ่านไม่ยาก ที่สำคัญเนื้อหาที่สอนแต่ละเล่มนั้นดีเกินคาด ที่จริงหนังสือชุดนี้ทำออกมาตามคำสอนของพระเยซูในคัมภีร์ไบเบิ้ล แต่เนื้อหาด้านในอ่านแล้วไม่สะดุด ไม่รู้สึกว่ามีเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแต่ละเรื่องก็จะเน้นเรื่องการสอนเด็กให้เป็นเด็กดี ให้ข้อคิด และบทเรียนที่สำคัญแก่เด็กแตกต่างกัน

The White Trail
สอนเรื่องการขโมย
Christopher เป็นหนูที่อาศัยอยู่ในโบสถ์ มีเพื่อนเป็นหนูในทุ่งนาชื่อ Freddie ทั้งคู่เข้าไปที่ครัวในโบสถ์แอบขโมยอาหารมากิน และเผลอทำแป้งหกพื้น ระหว่างทางเดินกลับเข้ารังหนู ได้ทิ้งรอยเท้าไว้ ทำให้ภารโรงวางกับดักเพื่อจับหนูและนำแมวมาช่วยจับหนูด้วย เค้ากังวลว่าพ่อจะเผลอเหยียบกับดัก จึงไปบอกพ่อที่ทำงานและสารภาพว่าได้ไปขโมยอาหารจากโบสถ์มากิน พ่อสอนว่า
We're supposed to work for what we have. 
There are always plenty of crumbs and bits of food for us here in the church. 
We don't need to become thieves.
หลังจากนั้นพ่อหนูก็ให้ลูกชายเป็นผู้ออกไปหาอาหารเอง และนำกลับมาให้ครอบครัว เพื่อให้เค้าได้จำบทเรียนว่าไม่ควรขโมยของใครอีก

The Shiny red Sled
สอนเรื่องการทะเลาะกัน
Christopher นำรถเลื่อนสีแดงอันใหม่ออกมาเล่นบนภูเขาหิมะกับเพื่อน Freddie เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ญาติของ Christopher ที่ชื่อ Ted บอกให้ฝากรถเลื่อนกับเค้าไว้ก็ได้ เค้าจะดูแลให้เอง เมื่อกลับมาพบว่ารถเลื่อนมีรอยถลอกใหญ่พาดกลาง Ted บอกขอโทษเนื่องจากหยุดรถเลื่อนไม่ได้ จึงชนเข้ากับต้นไม้ แต่Christopher ไม่ฟัง หลังจากนั้น Ted ประสบอุบัติเหตุขาหัก Christopher จึงใช้รถเลื่อนช่วยพาเค้าออกมา พ่อของChristopher ภูมิใจมากที่เค้าสามารถให้อภัยญาติ และลืมเรื่องที่ทะเลาะกัน และช่วยญาติไว้ได้ทัน

A Sticky Mystery
สอนเรื่องความอิจฉา
Christopher ได้ไปยืมลูกบอลของญาติที่ชื่อ Sed เพื่อมาเล่นกับเพื่อน Freddie โดยไม่ได้ชวนญาติมาเล่นด้วยเลยในช่วงพักเบรก เมื่อเสียงกริ่งดังก็โยนลูกบอลคืนให้ญาติแล้วเดินเข้าห้องเรียน Freddie ถูกใครบางคนกลั่นแกล้งแล้วโยนความผิดให้ เมื่อสืบแล้วจึงพบว่าคนที่แกล้งก็คือญาติของ Christopher นั่นเอง แม่บอกว่าเพราะว่าเค้าอิจฉาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เนื่องจากเดิม Christopher กับ Sed สนิทกันมาก่อน ดังนั้นทั้งคู่จึงไปขอโทษ Sed แล้วก็กลับมาเล่นกันทั้งสามคน



วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

121.Trouble for Breakfast

By Sandy Gullikson
 "แม่" เป็นอาชีพที่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ห้ามป่วย...ห้ามเจ็บ...ห้ามลากิจ...ห้ามลาป่วย...เพื่อลูกรัก แต่ "แม่"ก็เป็นแค่คนๆหนึ่งที่ย่อมเมื่อวันอ่อนแอ และป่วยได้ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแม่ไม่สามารถทำลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปทำอาหารเช้าให้แก่เด็กๆ ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างปกติหรือไม่ มาตามดูกันค่ะ

เช้าวันหนึ่งหมาป่าสองตัวมาเยี่ยมบ้านของกระต่ายน้อยฝาแฝด ปรากฎว่าแม่กระต่ายยังไม่ตื่นมาทำอาหารเช้า ทุกตัวจึงขึ้นไปที่ห้องนอน แม่กระต่ายป่วย เสียงแหบ ไม่สามารถลุกจากเตียง ทุกตัวจึงพร้อมใจกันบอกว่าไม่ต้องห่วง พวกเค้าจะชงกาแฟ ทำขนมมัฟฟิน มาให้

พวกเค้าเข้าครัวไปเตรียมทุกอย่าง แล้วก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และแล้วก็เกิดเรื่องให้ห้องครัวจนได้ น้ำไหลไม่หยุด ขนมมัฟฟินไหม้ดำและแข็งเป็นตอ ควันลอยฟุ้งไปทั่ว แต่แล้วพวกเค้าก็ได้ไอเดียนำกาแฟไปเสริฟให้แม่กระต่าย เมื่อแม่กระต่ายอาการดีขึ้นแล้ว ก็เดินไปที่ห้องครัว จะเจอกับอะไรบ้าง ทายได้ไหมเอ่ย

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

120.A Stranger in the Park

The Caution Crew Series
Story by Stuart Fitts
Illustrations by Donna Day Asay
วันนี้ภูมิใจนำเสนอนิทานภาษาอังกฤษที่สอนเกี่ยวกับเรื่อง "คนแปลกหน้า" เล็กอยากให้ทุกบ้านสอนลูกให้ระวังคนจำพวกนี้ให้ดี อยากให้พูดคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อยๆ เพื่อเด็กจะได้จำได้ และรู้ว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไรเวลาเกิดเหตุการณ์จริงๆ

ตอนแรกคิดว่าลูกจะเบื่อที่จะฟัง เพราะนิทานปกแข็งเล่มนี้ใหญ่และค่อนข้างหนา ตัวหนังสือเยอะ ตัวใหญ่แต่อ่านง่าย ปรากฎว่าเค้าสนใจกระตือรือร้นอยากรู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป

สองพี่น้อง Grant และ Karen ชอบเล่นฟุตบอลมาก พวกเค้าจะฝึกซ้อมกันทุกวัน แต่ว่าวันนี้เค้ามีนัดจะไปปิคนิคกับครอบครัวก็เลยไม่ได้ร่วมเล่นกับเพื่อนๆ เมื่อพวกเค้ามาถึงสวนสาธารณะ ก็นั่งเล่นชิงช้ากัน แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมรูปถ่ายบอกว่า สุนัขของเค้าหายไป ขอให้เด็กๆช่วยตามหาด้วย เด็กสาวสงสารชายหนุ่มดังกล่าวก็เลยบอกว่าจะช่วยตามหา ส่วนน้องชายเตือนพี่สาวบอกว่าอย่าพูดกับคนแปลกหน้า
Be careful of strangers, no matter how friendly they seem or how nice they act.
แต่พี่สาวไม่เชื่อและเดินตามชายแปลกหน้าไป

เมื่อเดินไปได้ซักพัก ชายหนุ่มแปลกหน้าดึงแขนเด็กผู้หญิงไว้แล้วรีบฉุดเดินไปที่รถตนเอง น้องชายตกใจรีบไปเรียกพ่อแม่ และตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ โชคดีมีคนผ่านมาช่วยกันจับชายแปลกหน้าเอาไว้ หลังจากนั้นตำรวจได้มอบเข็มกลัดแก่เด็กชายแสดงถึงความกล้าหาญและเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฎิบัติตัวเมื่อเจอกับคนแปลกหน้า สองพี่น้องได้เป็นตัวแทนเพื่อไปพูดให้เพื่อนๆฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นบทเรียนของตัวเองที่ต้องจดจำไปนาน และสอนว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไป

ปกหลังด้านในของหนังสือมีข้อความที่น่าสนใจ
เล็กนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ
1.Never talk to strangers
2.Know your telephone number.
3.Know your street address.
4.Be aware of people near you when your parents are not with you.
5.No grownup should ever ask you for help. They should ask another grownup.
6.You do not have to touch a car or go near the car to talk to someone in that car. A Person sitting in a car can grab you if you get too close. So, talk from a distance.
7.If a stranger grabs you and no one is around to help, fall to the ground and let your body be totally limp like a rag.
8.If a stranger touches you, yell "HELP"


วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

119.Linda's Air Mail Letter

By Norman Bell
Illustrated by Patricia Villemain
 หนังสือนิทานภาษาอังกฤษเล่มนี้อยู่ในโครงการหัดอ่านที่เรียกว่า A Follett Beginning - to-Read Book อยู่ในระดับ 2 มีคำศัพท์ที่เรียนรู้มากถึง 184 คำ เนื้อหาอ่านง่าย เหมาะสำหรับเด็กประถมที่เริ่มหัดอ่านหนังสือ เนื่องด้วยหนังสือเล่มนี้มีอายุถึง 50 ปีแล้ว สภาพโดยรวมจึงค่อนข้างเก่า แต่ที่นำมารีวิวเพราะว่าเนื้อหาด้านในสนุกและมีเสน่ห์ ทำให้เด็กสามารถอ่านจนจบได้

Linda ตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งด้วยอาการตัวร้อน แม่จึงจะไปโทรศัพท์เรียกหมอ แต่โทรศัพท์เสีย นอกจากนั้นประตูหลังบ้านก็เปิดไม่ได้ ท่อน้ำก็มีน้ำไหลออกมา พ่อก็ไม่อยู่บ้าน เธออยากช่วยแม่จึงเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งระบุว่า "ถึงใครก็ได้" "เธอติดอยู่ที่บ้าน ออกไปไม่ได้ พ่อก็ไม่อยู่บ้าน" จดหมายฉบับดังกล่าวปลิวไปตามลม จนมาถึงมือตำรวจจนได้

เมื่อตำรวจอ่านจดหมายจึงเตรียมการ นัดช่างไม้ ช่างประปา และหมอไปด้วยกัน เมื่อแม่เปิดประตูบ้านออกมาเจอตำรวจก็ตกใจ หลังจากอ่านจดหมายของลูกตัวเองก็เลยเข้าไจ และก็เรียกทุกคนให้เข้าไปช่วยซ่อมอุปกรณ์ที่เสียในบ้าน รวมทั้งรักษาลูกของเธอด้วย

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

118.รีวิวเที่ยว ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ

อ่านชื่อสถานที่แล้วอาจจะงงเล็กน้อยกันใช่ไหมคะ คาดว่าบางท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ แต่ถ้าบอกว่าสถานที่นี้อยู่ในสวนรถไฟ คงจะร้องอ๋อกันเป็นแถว ตึกนี้อยู่ทางด้านขวาถ้าเราหันหน้าเข้าประตูทางเข้า หรือถ้าขี่รถออกจากสนามเด็กเล่นตรงไปทางออก จะเห็นตึกนี้ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ

นี่เป็นครั้งแรกที่เรามาสวนรถไฟกันแค่สองคนแม่ลูก แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาสวนรถไฟ เราเห็นตึกนี้สร้างอยู่หลายเดือนแล้วแต่ตอนแรกไม่รู้ว่าคืออะไร คาดว่าคงจะเป็นตึกที่เอาไว้วิจัยหรือทำงานอะไรซักอย่าง เมื่อผ่านตึกนี้ในวันนี้ สิ่งที่สะดุดหูมาก่อนเลย (ไม่ใช่สะดุดตา) มากที่สุดคงเป็นเพลงที่เปิดเสียงดังกังวานออกมาบริเวณถนน เนื่องจากเป็นเพลงของวง "อินคา" ก็เลยต้องแวะเข้าไปดูซักหน่อย ระหว่างอยู่ในสถานที่นี้ก็ได้ฟังเพลงย้อนยุคกันพอสมควร เช่น แอม เสาวลักษณ์ มาลีวัลย์ พามีล่า แหวน อืม....พอแล้วเดี๋ยวรู้อายุกันพอดี

นอกจากเพลงที่สะดุดหูแล้ว อีกเสียงหนึ่งที่ทำให้ต้องหยุดดูก็คือ "เสียงน้ำตก" ที่ดังมาก น้ำตกใหญ่ที่ไหลลงมาจากตึกด้านบนทั้งสองฝั่ง ทำให้รู้สึกสงบดี เราปั่นเข้าไปใกล้ๆ ลมโชยๆพัดน้ำตกให้กระเด็นใส่หน้าทั้งแม่และลูก ผู้คนพากันขี่จักรยานเข้ามาพักผ่อนกันมากมาย

ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ เกิดขึ้นโดยกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสถานที่ในการบำบัดน้ำเสียในเขตพื้นที่บริเวณนั้น และน้ำบางส่วนที่ผ่านการปรับปรุงแล้วจะสามารถนำไปใช้ในพื้นที่สวนวชิรเบญจทัศ สวนจตุจักร และ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  ภายใต้อาคารมีนิทรรศการ ห้องสมุด และ ห้องประชุม บริเวณโดยรอบทำเป็นทางเดินที่กว้างพอที่จะปั่นจักรยานชมได้ด้วย โดยมีสวนไม้น้ำต่างๆ ให้ความรู้แก่เรามากมาย

พืชลอยน้ำ 

พืชโผล่เหนือน้ำ

โกงกาง

นอกจากนั้นยังมีลานกว้างๆไว้สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

มาเที่ยวสวนรถไฟคราวหน้า อย่าลืมพาเจ้าพวกเล็กมาแวะที่นี่ด้วยนะคะ รับรองว่าได้สนุกกับการปั่นจักรยานไปตามทาง ลัดเลี้ยว ไปมา น่าสนุกอย่าบอกใครเชียวค่ะ

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

117.Hangdog

By Graham Round


หลังจากอ่านนิทานเรื่องนี้จบ คำแรกที่พูดออกมาจากปากเลยคือ "น่ารักอ่ะ" นิทานภาษาอังกฤษเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนเล่มนี้ให้ความรู้สึกหลายอย่าง เหงา โดดเดี่ยว ลุย ผจญภัย ตื่นเต้น จบลงที่ซึ้งๆ เรียกได้ว่าครบรสกันเลยทีเดียว

เจ้าหมาตัวนี้เหงาและอยู่ตัวเดียวมานาน ไม่มีเพื่อนเลย จนวันหนึ่งมันคิดว่าคงต้องออกไปหาเพื่อนให้ได้ 
There must be a friend for me somewhere in the world.
มันจึงสร้างเรือจากนาฬิกาเรือนใหญ่รุ่นคุณปู่ แล้วแล่นลงทะเลไป 

กลางคืนเจอพายุทำให้เรือแตกหัก เจ้าหมาน้อยเกาะกระโดงเรือไว้ทัน จนมาขึ้นฝั่งที่เกาะแห่งหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นหมาน้อยออกสำรวจรอบๆเกาะ พบเสือจึงรีบวิ่งหนีสุดชีวิต จนในที่สุดนั่งลงด้วยความปลงว่าจะต้องโดนกินแน่แล้ว แต่เจ้าเสือกลับวิ่งตรงเข้ามาจุ๊บ ดีใจที่ได้เจอเพื่อน เนื่องจากมันเองก็เหงาและไม่มีเพื่อนไม่เจอใครมานานแล้ว แล้วทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกัน นั่งทานอาหารเย็นด้วยกันใต้แสงจันทร์

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

116.Crawly Bug and he Firehouse Pie

By Toby Speed
Illustrated by Margot Apple
 สมัยก่อนจะมีชมรมหนังสือเด็ก (Children's Book Club)  ที่พ่อแม่สมัครสมาชิกให้ แล้วหนังสือที่เข้าร่วมโครงการจะส่งตรงถึงบ้าน 2 ฉบับต่อเดือน นิทานภาษาอังกฤษเล่มนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในโครงการนี้ ซึ่งเล่มนี้มีอายุ 17 ปีแล้ว และโครงการนี้ก็ยกเลิกไปแล้ว แต่ว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้กลับทำให้รู้สึกว่า นิทานภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดเนื้อหาอยู่แค่การไปโรงเรียน การกิน การนอน แต่ว่าเรื่องนี้ฉีกแนวออกไปโดยสิ้นเชิง

Crawly Bug ในที่นี้วาดรูปออกมาเป็นมด เล็กจะใช้คำว่ามดแทน พวกกองทัพมดเข้ามาขโมยพายของคุณแม่หมีทางหน้าต่างบ้าน จนในที่สุดพายก็หายไป แม่หมีเอาม๊อบไปขัดขวางขบวนมดแต่ไม่สามารถขัดขวางได้ จึงเอาคราดไปกวาดมดบ้าง, ใช้เท้าตัวเองเหยียบมดบ้าง, นอนลงขวางทางกองทัพมดบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จ

เมื่อออกมามองหาผลไม้ไปทำขนมพายชิ้นใหม่ ก็เจอแบล็กเบอร์รี่ จึงนำกลับมาทำพายได้ 3 อัน อันที่หนึ่งและสองห่อใส่ถุงเรียบร้อย ส่วนอันที่สามบรรจุลงในกล่องใส่หมวกที่เขียนว่า Not Pie แล้วรีบออกไปที่สถานีดับเพลิงเพื่อขายพาย เมื่อเปิดพายกล่องออก พายส่งกลิ่นหอม แต่แม่หมีรู้สึกว่าอะไรขยับๆอยู่ที่เท้าของเธอ

หลังจากอ่านจบเล็กไม่อาจคาดเดาอารมณ์ผู้เขียนได้เลยว่า เอ็นดู เมตตา หรือ รำคาญ เจ้ามดน้อยๆพวกนี้ แต่เปิดกลับมาด้านหน้าใหม่ แอบเห็นผู้เขียนหยอดไว้ในหนังสือว่า
For three who can make a pie disappear / For Crawly Bug's father
ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากใครบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

115.Dinner at the Panda Palace

By Stephanie Calmenson
Illustrated by Nadine Bernard Westcott
 รับรองว่าอ่านนิทานภาษาอังกฤษเล่มนี้จบ คุณจะต้องยิ้มได้ เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความสนุกและมิตรไมตรีจากเจ้าแพนด้าเจ้าของร้านอาหารที่ต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่น เด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ชนิดต่างๆพร้อมจำนวนตัวเลขไปในตัว  นอกจากนั้นแต่ละหน้าจะมีคำสัมผัสคล้องจอง เมื่ออ่านแล้วจะสนุกได้จังหวะ เช่น gray-day / ton-one / outside-ride / see-three / wide-inside / door-four / town-down
และคุณยังสามารถสอนโฟนิกส์ได้ด้วย

ร้านอาหารของเจ้าแพนด้าเปิดต้อนรับแขกเวลา 6โมงเย็น แขกตัวแรกได้แก่ช้าง ที่ขายถั่วมาทั้งวัน ซึ่งตอนนี้หิวมาก เข้ามาขอที่นั่ง 1 ที่ ตามมาด้วยสิงโตที่บ่นว่าการจราจรข้างนอกติดขัดหนัก ขอที่นั่ง 2 ที่ แล้วก็เป็นเจ้าหมูที่เข้ามาหลบหมาป่า ขอที่นั่ง 3 ที่

ตามมาด้วยนกยูง 4 ที่, ลิง 5 ที่, ยีราฟ 6 ที่, ไฮยีน่า 7 ที่, เพนกวิน 8 ที่, หมี 9 ที่, และลูกไก่ 10 ที่ ตอนนี้ให้เด็กๆลองนับดูซิคะว่ามีแขกทั้งหมดกี่คน เพราะว่าในเรื่องบอกว่า เจ้าแพนด้าต้องทำงานอย่างรีบเร่งเพื่อเสริฟอาหารให้ทันกับแขกทั้งหมด.......1+2+3+4+5+6+7+8+9+10.......... 55 คนค่ะ แต่ในที่สุดก็มีเสียงเคาะประตูเป็นเจ้าหนู 1 ตัวมาถามว่ามีที่ว่างเหลือไหม มาลองเดากันดูซิคะว่า แพนด้าเจ้าของร้านจะตอบอย่างไร จะมีที่ว่างให้แขกคนสุดท้ายหรือไม่

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

114.Henry's Happy Birthday

By Holly Keller
 นิทานภาษาอังกฤษขนาดกลางๆเล่มนี้ แสดงถึงวิธีคิด ความรู้สึก ของเจ้าของวันเกิด พร้อมทั้งมารยาทในการจัดงานปาร์ตี้วันเกิดได้ดี และยังแฝงการสอนหลายเรื่องเช่น บางครั้งการชอบอะไรแบบเดิมๆทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่า

วันนี้เป็นวันเกิดของ Henry เค้าเดินเข้าไปในครัวเห็นแม่กำลังทาครีมวนิลาลงบนเค้กสตอร์เบอร์รี่ เค้าก็บอกว่าตัวเองชอบช๊อคโกแลคมากกว่า เค้าช่วยแม่จัดโต๊ะ เมื่อถึงเวลาแต่งตัว เค้าก็ใส่ชุดสบายๆ แม่บอกว่าให้เปลี่ยนป็นเสื้อเชิ๊ต เพราะว่าทุกคนจะแต่งตัวสวยๆมางานปาร์ตี้ (ประมาณว่าเราเป็นเจ้าของงานต้องแต่งตัวดีๆให้เกียรติแขก)

เมื่อเพื่อนๆมาถึงก็ยื่นของขวัญให้ เค้าคิดอยู่ในใจว่าชิ้นนี้เล็กไป ชิ้นนั้นก็อาจจะไม่ใช่ที่เพื่อนสัญญาไว้ ตอนเล่นเก้าอี้ดนตรีก็โดนเพื่อนผลักออกไป เมื่อถึงเวลาอธิษฐานจะเป่าเค้ก เค้าอธิษฐานว่า ขอให้นี่เป็นงานวันเกิดคนอื่น เพราะเค้ารู้สึกแย่กับทุกอย่าง เมื่อถึงเวลาทานเค้ก เค้ารู้สึกว่าเค้กวนิลาที่มีวิปปิ้งครีมตรงกลางก็ใช้ได้ ของขวัญที่เพื่อนๆให้ก็น่าสนใจทุกอย่าง เมื่อเพื่อนๆกลับบ้านไป เค้าสารภาพกับแม่ว่าเค้าอธิษฐานไม่ดีเลย แม่ปลอบและบอกว่าไม่เป็นไร มีเวลาคิดอีกทั้งปี

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

113.Lunch Bunnies

By Kathryn Lasky
Illustrated by Marylin Hafner
ช่วงนี้เด็กๆเปิดเทอมกันแล้ว เด็กที่เข้าเรียนชั้นอนุบาลอาจจะร้องไห้งอแงเป็นธรรมดา เพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับชีวิต จากที่อยู่กับพ่อแม่และครอบครัว กลับมาเจอใครก็ไม่รู้มากมายที่โรงเรียน แต่เมื่อเด็กเริ่มเข้าเรียนชั้นประถม ความกังวลต่างๆก็อาจจะลดลง เนื่องจากคุ้นเคยกับการปรับตัวที่จะอยู่ในสังคมแล้ว แต่ก็อาจจะไม่ได้หายไปซักทีเดียว

นิทานภาษาอังกฤษเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในการปฏิบัติตัวช่วงรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียน ของฝรั่งกับของไทย เช่นเค้าต่อแถวเพื่อซื้ออาหารเอง ถือถาดอาหารเอง และต้องจ่ายเงินเอง นอกจากนั้นเราสามารถสอนลูกได้ถึงมารยาทการเข้าคิว ความมีน้ำใจกับเพื่อน และการไม่หัวเราะเยาะเพื่อน ให้ลูกเห็นได้อีกด้วย

Clyde นักเรียนชั้นเกรด 1 กำลังซ้อมถือถาดอาหารไปมาที่บ้านเพื่อไม่ให้ทุกอย่างหกลงพื้น พี่ชายตัวดีรีบขู่เลยว่าอาจจะมีซุปที่โรงเรียน ถ้าทำหกผู้หญิงที่ดูแลจะไม่ช่วยเช็ดให้ พ่อครัวจะโกรธถ้าทานอาหารไม่หมด แม่เค้าได้แต่ปลอบใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เมื่อเข้านอนเค้าฝันร้ายถึงเรื่องที่ต้องต่อคิวซื้ออาหารยาว ขึ้นเขา ลงเขา และผู้หญิงที่ดูแลโรงครัวตัวใหญ่ตะโกนด่าทุกนาที

ตอนเช้า ในชั่วโมงเรียนเค้าไม่มีสมาธิในการเรียนได้แต่กังวลเรื่องเวลารับประทานอาหารกลางวัน เมื่อถึงเวลานั้นเค้าวางถาดอาหารลงที่เคาน์เตอร์ สไลด์มันเพื่อรับอาหาร หยิบถาดอาหารขึ้น และไปจ่ายเงิน ได้ตามที่ซ้อมไว้ ขณะเดินกลับมานั่ง เพื่อนของเค้าลื่นไถลเพราะพื้นมีซุปที่หกอยู่ ทำให้เจลลี่ในถาดกระเด็นกระดอนหกออกมาที่พื้นทั้งหมด ทุกคนในโรงอาหารหัวเราะเยาะ แต่ Clyde กลับรีบเข้าไปช่วยเพื่อน ผู้หญิงที่ดูแลโรงครัวมาช่วยทำความสะอาดและให้เจลลี่ถ้วยใหม่แก่เพื่อนเค้า ทั้งคู่กลับมานั่งรับประทานอาหารและเป็นเพื่อนกันในที่สุด

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

112.รีวิวโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา

ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสพาลูกไปเที่ยวเยี่ยมชม "โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา" สถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่มทดลอง วิจัย แปรรูป ผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนของพระองค์อย่างแท้จริง เล็กรู้สึกปลื้มใจมากกับความรู้ที่ได้และอัธยาศัยของเจ้าหน้าที่ทุกๆท่าน ที่ทำงานเพื่อพระองค์ท่านอย่างแท้จริง

เล็กได้วางแผนการพาลูกมาเที่ยวที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากว่าการจะเข้าเยี่ยมชมต้องทำจดหมายส่งถึงผู้อำนวยการ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน และเปิดให้เยี่ยมชมได้เฉพาะวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ ซึ่งถือว่าได้เที่ยวก่อนจะเปิดเทอมพอดี

เราออกจากบ้านตั้งแต่ 7โมงกว่าๆ เพื่อไปให้ทันเวลานัด 9 โมงที่นั่น แต่แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เป็นเจ้าหน้าที่ของทางสวนจิตรลดาโทรมาสอบถามว่าเดินทางถึงไหนแล้ว มาถูกหรือไม่ คิดในใจว่าเจ้าหน้าที่ช่างใส่ใจเรา ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของผู้เที่ยวชมเท่านั้น

โชคดีที่วันนี้เป็นวันที่อากาศไม่ร้อนมาก  แต่ก็ยังถือว่าอบอ้าวอยู่พอสมควร ความรู้สึกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัง รู้สึกถึงความร่มรื่นของต้นไม้สองข้างทาง และอากาศที่ดูชื้นๆ เย็นๆ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่ยืนรอต้อนรับอยู่ด้านใน ตกใจและแปลกใจ เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่รอเราโดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้นำชมให้เราเพียงแค่สองคนแม่ลูก รู้สึกได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่มากๆจากที่นี่

เราเริ่มต้นที่พิพิธภัฑณ์โรงช้างต้น สถานที่ที่ช้างเผือกประจำรัชกาลเคยอาศัยอยู่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสร็จเปิดสถานที่นี้เมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง มีช้างเผือกจำลองขนาดเท่าตัวจริงทำจากเรซิ่นให้ได้ชมอีกด้วย เราได้ความรู้เรื่องช้างเผือกมาฝากดังนี้
ช้างเผือกแบ่งด้วยสีคร่าวๆ 3 แบบคือ
1.ช้างเผือกเอก สีผิวจะเป็นสีขาว 
2.ช้างเผือกโท สีผิวจะออกชมพู เหมืีอนกลีบดอกบัวแห้ง 
3.ช้างเผือกตรี สีผิวใบตองอ่อน 

ลักษณะของช้างเผือก จะมีสีขาวในร่างกาย 7 แห่งด้วยกัน
1.ตา 2.เพดานปาก 3.เล็บ 4.ขนสีขาว 5.ผิวหนัง 6.อวัยวะสืบพันธ์ 7.หาง

เราไปต่อที่โรงเลี้ยงวัว ซึ่งขณะนี้มีวัวอยู่ประมาณ 30 ตัว วัวแต่ละตัวจะตั้งท้องประมาณ 9 เดือน เมื่อตกลูกแล้ว ก็สามารถให้น้ำนมได้ถึง 1 ปี ที่โครงการใช้หญ้าเนเปียปากช่องในการเลี้ยง เนื่องจากเป็นหญ้าอย่างดี นอกจากนั้นยังให้วัวฟังธรรมะ และ เพลงอีกด้วย จะได้อารมณ์ดี ระหว่างทางเดินต่อไป

เราพบกังหันพลังงานลม และ โซล่าเซลพลังงานแสงอาทิตย์

บ่อเพาะพันธุ์ปลานิล

โรงนมอัดเม็ด เราได้เห็นเครื่องอัดเม็ดที่ใหญ่และทันสมัยมาก มีกำลังการผลิต 60,000 ซอง/วัน เนยได้รับนมอัดเม็ดฟรีจากเจ้าหน้าที่มา 2 ซองด้วย ต้องขอบคุณจริงๆ

โรงสีข้าว ได้ดูตัวอย่างข้าวพันธุ์ต่างๆ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง แกลบ รำ ข้าวขาว

โรงบดแกลบ ทุกส่วนจากการสีข้าวไม่ได้นำไปทิ้ง กลับนำมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยอัดเป็นแท่ง แล้วเผาให้เป็นถ่านเอาไว้ใช้หุงต้มได้

หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว มีการปลูกพืชหมุนเวียนเป็นงาดำ ขณะนี้อายุ 3 เดือนแล้ว เพิ่งเคยเห็นต้นงาดำเป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ

เราเดินไปอีกหลายที่เกี่ยวกับโครงการเพาะเนื้อเยีื่อ ทำไบโอดีเซล ทำน้ำผึ้ง เพาะสาหร่ายสไปรูไรน่า โรงเพาะเห็ด โรงหล่อเทียน และแวะซื้อของฝาก

แล้วเจ้าหน้าที่คนสวยก็เดินมาส่งเราที่จุดเริ่มต้น ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมขอบคุณ

ของขวัญจากทางโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 

หลังจากเดินออกมาถึงประตูที่เราเข้ามาเมื่อเช้า รู้สึกอิ่มใจ ในความรู้ที่ได้รับ และความรู้สึกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของปวงชนชาวไทยเรา ได้คิดริเริ่มทำโครงการที่เชื่อมโยงกันทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนของโครงการสูญเปล่าหรือว่าต้องทิ้งไป ทุกอย่างสามารถนำไปแปรรูป ประยุกต์ ใช้ใหม่ ได้เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นหรือไม่

มาดูกันว่าคราวหน้าเล็กจะพาไปเที่ยวไหนค่ะ รับรองสนุกอีกแน่ๆ อิอิ