วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

21.Something Special (ความสามารถพิเศษ)

By David McPhail
เด็กเป็นวัยที่เหมาะแก่การเรียนรู้และค้นค้าสิ่งต่างๆในชีวิต เด็กแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน เค้าอาจจะถนัดไม่เหมือนกัน เคยได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูดว่าอัจฉริยภาพมีด้วยกัน 8 ด้านคือ
(1) อัจฉริยภาพด้านภาษาและการสื่อสาร (Linguistics Intelligence)
(2) อัจฉริยภาพด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily-Kinesthetic Intellgence)
(3) อัจฉริยภาพด้านมิติสัมพันธ์และการจินตภาพ (Spatial Intellgence)
(4) อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intellgence)
(5) อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
(6) อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
(7) อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
(8) อัจริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)
การส่งเสริมให้เค้าเจอกับการเรียนรู้ใหม่ๆจะช่วยทำให้เค้ารู้จักตัวเองและเลือกเองว่าเค้าชอบหรือถนัดทางไหน

นิทานภาษาอังกฤษเรื่องนี้สอนเราซึ่งเป็นพ่อแม่ผู้อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ให้ไม่คาดหวังกับลูกมากเกินไป และสอนเด็กที่อ่านหนังสือเองได้แล้วเรื่องเกี่ยวกับความสามารถพิเศษ ที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบ ขึ้นอยู่กับการมานะฝึกฝน ซึ่งในที่สุด เด็กจะหาเจอเอง


ทุกคนในครอบครัวของแซม มีความสามารถพิเศษกันทุกคน พี่สาวคนโตสามารถเล่นเปียโน พี่สาวอีกคนหนึ่งเล่นเบสบอล พี่ชายเก่งคอมพิวเตอร์ พ่อทำกับข้าวเก่ง แ่ม่ชอบแกะสลัก คุณยายถักนิตติ้ง แต่แซมไม่มี เค้าพยายามหาว่าตัวเองมีความสามารถอะไรพิเศษหรือไม่โดยเลีียบแบบแต่ก็ไม่สำเร็จ


เมื่อเห็นแม่กำลังจะระบายสีเป็นที่แกะสลักเสร็จแล้ว แซมก็เข้าไปช่วย แล้วก็เข้าท่าทีเดียวค่ะ แซมเริ่มชอบแล้วค่ะ เค้าเริ่มวาดรูปแอ๊ปเปิ้ลก่อน แล้วก็วาดรูปพี่สาวเล่นเปียโน วาดรูปพี่สาวอีกคนกับถ้วยรางวัลกีฬาเบสบอล พี่ชายกับคอมพิวเตอร์ แล้วทุกคนก็คิดว่า การวาดรูปนี่แหละคือความสามารถพิเศษของแซม





อ่านจบแล้วลองหาดูซิคะว่า เด็กๆของเราเด่นด้านใด อาจจะไม่ต้องถึงขั้นอัจฉริยะ เพียงให้เค้ามีความภูมิใจว่าเค้ามีความสามารถพิเศษติดตัวไปในอนาคตก็พอ ถ้ายังไม่มี หรือ ไม่เจอ ก็พยายามส่งเสริมให้เค้าเจอหลายๆอย่าง แล้วเค้าจะเลือกเอง และ เจอในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น