By Ann McGovern
Pictures By Winslow Pinney Pels
เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มานาน แต่ยังไม่เคยได้ครอบครองหนังสือซักครั้ง วันนี้ได้เห็นแล้วรีบหยิบมาอ่านเลยค่ะ นิทานเก่าแก่ที่ได้รับรางวัล Caldecott Medal เมื่อปี คศ.1947 หลังจากนิทานได้รับรางวัลก็มีผู้นำมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละประเทศมากมาย แต่ยังคงเนื้อหาหลักๆไว้อย่างเดิม เล่มที่เล็กมีนี้พิมพ์เมื่อปี คศ.1986
ผู้ชายคนหนึ่งเดินทางมาไกล เค้าเหนื่อยและหิวมาก
แล้วก็มาเจอบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เค้าคาดหวังว่า
คงจะมีอาหารให้เค้ารับประทานมากมาย
แล้วหญิงชราคนหนึ่งก็มาเปิดประตู บอกว่าไม่มีอะไรจะให้ทาน
ชายหนุ่มรีบบอกว่าขอแค่ "ก้อนหิน" ก้อนเดียวก็พอ
เค้าจะทำซุปก้อนหิน หญิงชราแปลกใจมาก
ไม่เคยได้ยินว่าก้อนหินนำมาทำซุปได้ด้วย
ชายหนุ่มจึงขอให้หญิงชรานำน้ำใส่หม้อแล้วต้มบนเตา
เมื่อน้ำเริ่มเดือด ชายหนุ่มบอกว่าซุปจะเสร็จเราถ้าใส่หัวหอม
หญิงชราก็ทำตาม แล้วหญิงชราก็บอกว่ากลิ่นหอมดี
ชายหนุ่มได้ที รีบบอกว่าจะยิ่งหอมมากขึ้นถ้าใส่แครอท
หญิงชราก็ทำตาม แล้วหญิงชราก็บอกว่ารสชาดน่าจะดี
ชายหนุ่มได้ที รีบบอกว่าจะยิ่งดีถ้าใส่กระดูกวัวลงไปด้วย
แ้ล้วเรื่องก็ดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆ หญิงชราถูกหลอกให้
ใส่ พริกไทย เกลือ เนย ข้าวบาร์เล่ย์ จนซุปเสร็จเรียบร้อย
และนั่งทานซุปกับชายหนุ่มอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ขอตัวกลับโดยไม่ลืมหยิบ
ก้อนหินกลับไปด้วย ทำให้หญิงชราแปลกใจและถามเค้า
ชายหนุ่มก็ยังหลอกหญิงชราจนวินาทีสุดท้ายว่า
The stone is no cooked enough.
I will have to cook it some more tomorrow.
แล้วก็เดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกจากบ้านหญิงชรา
โดยทิ้งท้ายเรื่องไว้ว่า
"พรุ่งนี้จะทานอะไรดี"
"ซุปจากก้อนหิน"
ท่าจะดี
เมื่ออ่านจบทำให้นึกถึงสำนวนสุภาษิตไทยว่า
"พูดดีเป็นศรีแก่ปาก"
"คำพูดเป็นนายกายเป็นบ่าว"
คำพูดที่ออกจากปากเราไปสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆได้มากมาย
ชอบๆคนับ😁
ตอบลบ