วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

ประสบการณ์การสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม


เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่บีบคั้นหัวใจของคนเป็นแม่ และตัวลูกเอง คือเป็นช่วงที่เนยต้องสอบเพื่อเข้าเรียนต่อชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 เพราะโรงเรียนประถมที่เรียนอยู่เดิม มีถึงแค่ชั้นป.6

การแข่งขันเพื่อจะสอบเข้าโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ช่างน่าหนักใจเสียจริงๆ แต่ตัวเนยเอง ก็มีความต้องการที่จะเรียนที่นี่ด้วย ก็เลยเลือกกัน


ครอบครัวเรา ไม่ได้เน้นว่าลูกต้องเรียนเก่งมาตั้งแต่แรก จึงไม่เคยไปติววิชาการที่ไหนเลย ตั้งแต่ ป.1-5 มีแต่เรียนพิเศษเปียโนเท่านั้น

พอขึ้น ป.6 ก็ถึงเวลาที่เล็กคิดว่าต้องเริ่มเรียนกันแล้ว เพราะว่าเคยซื้อหนังสือมาทำข้อสอบติวกันที่บ้าน ไปๆ มาๆ กลายเป็น "ตีกัน" มากกว่า "ติวกัน" พ่อแม่ไม่สามารถสอนลูกได้ เพราะสอนแล้วมีโมโห มีน้ำตาทุกครั้ง เลยหาที่เรียนพิเศษ วิชาที่เนยอ่อนที่สุด ก็คือ "คณิตศาสตร์"

ช่วงเดือนแรกบีบคั้นหัวใจแม่มาก วันแรกหลังจากออกจากห้องเรียน เนยบอกว่า "ไม่อยากเรียนแล้ว" เดินไปบ่นไป น้ำตาไหลไป เล็กอึ้งมาก พูดไม่ออก เอาไงดี? เด็กที่ไม่เคยเรียนพิเศษมาก่อน อยู่โรงเรียนเหมือนว่าเกรดดี ดูเข้าใจ แต่ที่จริงแล้วพื้นฐานไม่แน่น เวลาออกมาเรียนพิเศษที่มันต้องยาก ไม่เคยทำ ก็ทำไม่ได้ ท้อแท้ ช่วงเดือนแรกกระโดดเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่ ทั้งพ่อและแม่ ต่างผลัดกันเข้าไปช่วย 

สงสัยไหมคะ? 
ส่งลูกไปเรียนพิเศษ แต่กลับมา ต้องมานั่งสอนเองอีก?? 
สรุปว่าส่งไปได้อะไร?? 
เสียเงินฟรีแล้ว??
เลิกเรียนแล้วมาสอนเองดีกว่าไหม??

เล็กอดทนดู อดทนรอค่ะ เงินจ่ายไปแล้ว บอกเนยแล้วว่าทำไมต้องเรียน เด็กที่เรียนไม่เก่ง ไม่เคยเรียนมาก่อน ต้องใช้เวลาปรับตัวค่ะ พ่อแม่ต้องให้เวลา และช่วยเหลือเต็มที่

หลังจากเรียนได้ 2 เดือนเริ่มเข้าที่ เนยเข้าใจว่าต้องทำอะไร เพื่ออะไร ปรับตัวได้ดีขึ้น ยอมรับมากขึ้น ว่าตัวเองต้องปรับปรุงอะไร และเริ่มเข้าใจที่ครูสอนมากขึ้น แต่ก็ยังทำคะแนนไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร ของแบบนี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนค่ะ ต่อมาจับหลักได้ว่า คณิตศาสตร์อยู่ที่การฝึกฝน ทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ


โจทย์คณิตสมัยนี้ ทำไมมันยากอย่างนี้นะ อ่านโจทย์เอง ยังบ่นกับตัวเองเลย โจทย์บางข้อใช้เวลาอธิบาย 45 นาทีถึงจะจบ ลูกเข้าใจบ้างเปล่าอ่ะ สงสัยคงยังมึนๆ อยู่ (ฮา)

บางเรื่องก็เอาเนื้อหาของชั้นมัธยมมาออก เพื่อคัดเลือกเรียนต่อ ม.1 ? ตกลงจะทดสอบเด็ก ป.6 หรือ เด็กมัธยมกันแน่? ไม่เอาๆๆๆๆ ไม่บ่นๆๆๆ 

ระหว่างนี้เล็กก็มีซื้อหนังสือแบบฝึกหัดเสริม มาให้เค้าทำแบบฝึกหัดให้มากขึ้น เดือนสุดท้ายก่อนสอบ ปิดเทอมป.6 แล้ว ลูกอยู่บ้าน แม่ไปออกบู๊ทขายหนังสือเกือบทั้งเดือน โอย...ช่วยตัวเองนะลูก...

คืนวันที่ 3 เมย.2561 ทุกครอบครัวต่างเฝ้ารอใจจดใจจ่อ กับผลการสอบในเวปไซด์โรงเรียนซึ่งออกตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ครอบครัวเราเข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว ไม่อยากรอ มันทำให้เสียวงจรชีวิต 555 ไม่ชอบนอนผิดเวลา 

เล็กตื่นมาตี 3 กว่าๆ เช้ากว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อมาดูผลสอบ ก็รู้สึกดีใจ ลูกสามารถทำได้ตามที่ตั้งใจไว้ ต่อไปนี้เค้าจะมีความภาคภูมิใจ ว่าเค้าพยายามแล้ว และสามารถทำได้ 

ที่เขียนมายืดยาว (มีใครอ่านบ้างไหมนะ) อยากจะฝากไว้ว่า

1.ควรเตรียมตัวลูกให้ดีตั้งแต่ ป.4 ไม่ได้หมายความว่า ต้องไปเรียนพิเศษ แต่หมายถึงให้ทำแบบฝึกหัดทุกวัน ชิลๆ ทำไปเรื่อยๆ สะสมไป เด็กจะมีความพร้อมมากขึ้น

2.การเลือกโรงเรียนประถมให้ลูก ควรมองอนาคตโรงเรียนมัธยมไว้ด้วย เพราะโรงเรียนมัธยมที่มีการแข่งขันสูง มักจะมีโควต้า "เด็กในเขตพื้นที่" หรือ "โรงเรียนในพื้นที่" ถ้าบ้านอยู่ในเขตพื้นที่ 2 ปีขึ้นไป หรือ เรียนที่โรงเรียนในพื้นที่ ตั้งแต่ป.1-6 ก็มีสิทธิ์นี้ ซึ่งสามารถผ่อนแรงได้มากค่ะ 

3.ถ้าเลือกได้ ให้เลือกเรียนโรงเรียนที่มีตั้งแต่ชั้นประถม-มัธยม ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเครียดตอนสอบเข้า ม.1

4.ถ้าสอบแล้ว แข่งแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าโรงเรียนที่เลือกไว้ รัฐบาลจัดที่เรียนใกล้บ้านให้อยู่แล้ว เด็กทุกคนต้องมีที่เรียนค่ะ

5.เราปฎิเสธการแข่งขันไม่ได้ เมื่อถึงเวลา เด็กทุกคนต้องดิ้นรน ต่อสู้ พ่อแม่ควรอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่

 6.เฮ้อ...เหนื่อยนะคะ บอกลูกว่า ไม่ใช่ว่าจบแล้วนะ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก ต่อไปมันจะยากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่าฟันกันต่อไปนะลูก









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น