ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสพาลูกไปเที่ยวเยี่ยมชม "โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา" สถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่มทดลอง วิจัย แปรรูป ผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนของพระองค์อย่างแท้จริง เล็กรู้สึกปลื้มใจมากกับความรู้ที่ได้และอัธยาศัยของเจ้าหน้าที่ทุกๆท่าน ที่ทำงานเพื่อพระองค์ท่านอย่างแท้จริง
เล็กได้วางแผนการพาลูกมาเที่ยวที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากว่าการจะเข้าเยี่ยมชมต้องทำจดหมายส่งถึงผู้อำนวยการ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน และเปิดให้เยี่ยมชมได้เฉพาะวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ ซึ่งถือว่าได้เที่ยวก่อนจะเปิดเทอมพอดี
เราออกจากบ้านตั้งแต่ 7โมงกว่าๆ เพื่อไปให้ทันเวลานัด 9 โมงที่นั่น แต่แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เป็นเจ้าหน้าที่ของทางสวนจิตรลดาโทรมาสอบถามว่าเดินทางถึงไหนแล้ว มาถูกหรือไม่ คิดในใจว่าเจ้าหน้าที่ช่างใส่ใจเรา ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของผู้เที่ยวชมเท่านั้น
โชคดีที่วันนี้เป็นวันที่อากาศไม่ร้อนมาก แต่ก็ยังถือว่าอบอ้าวอยู่พอสมควร ความรู้สึกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัง รู้สึกถึงความร่มรื่นของต้นไม้สองข้างทาง และอากาศที่ดูชื้นๆ เย็นๆ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่ยืนรอต้อนรับอยู่ด้านใน ตกใจและแปลกใจ เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่รอเราโดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้นำชมให้เราเพียงแค่สองคนแม่ลูก รู้สึกได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่มากๆจากที่นี่
เราเริ่มต้นที่พิพิธภัฑณ์โรงช้างต้น สถานที่ที่ช้างเผือกประจำรัชกาลเคยอาศัยอยู่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสร็จเปิดสถานที่นี้เมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง มีช้างเผือกจำลองขนาดเท่าตัวจริงทำจากเรซิ่นให้ได้ชมอีกด้วย เราได้ความรู้เรื่องช้างเผือกมาฝากดังนี้
ช้างเผือกแบ่งด้วยสีคร่าวๆ 3 แบบคือ
1.ช้างเผือกเอก สีผิวจะเป็นสีขาว
2.ช้างเผือกโท สีผิวจะออกชมพู เหมืีอนกลีบดอกบัวแห้ง
3.ช้างเผือกตรี สีผิวใบตองอ่อน
ลักษณะของช้างเผือก จะมีสีขาวในร่างกาย 7 แห่งด้วยกัน
1.ตา 2.เพดานปาก 3.เล็บ 4.ขนสีขาว 5.ผิวหนัง 6.อวัยวะสืบพันธ์ 7.หาง
เราไปต่อที่โรงเลี้ยงวัว ซึ่งขณะนี้มีวัวอยู่ประมาณ 30 ตัว วัวแต่ละตัวจะตั้งท้องประมาณ 9 เดือน เมื่อตกลูกแล้ว ก็สามารถให้น้ำนมได้ถึง 1 ปี ที่โครงการใช้หญ้าเนเปียปากช่องในการเลี้ยง เนื่องจากเป็นหญ้าอย่างดี นอกจากนั้นยังให้วัวฟังธรรมะ และ เพลงอีกด้วย จะได้อารมณ์ดี ระหว่างทางเดินต่อไป
เราพบกังหันพลังงานลม และ โซล่าเซลพลังงานแสงอาทิตย์
บ่อเพาะพันธุ์ปลานิล
โรงนมอัดเม็ด เราได้เห็นเครื่องอัดเม็ดที่ใหญ่และทันสมัยมาก มีกำลังการผลิต 60,000 ซอง/วัน เนยได้รับนมอัดเม็ดฟรีจากเจ้าหน้าที่มา 2 ซองด้วย ต้องขอบคุณจริงๆ
โรงสีข้าว ได้ดูตัวอย่างข้าวพันธุ์ต่างๆ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง แกลบ รำ ข้าวขาว
โรงบดแกลบ ทุกส่วนจากการสีข้าวไม่ได้นำไปทิ้ง กลับนำมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยอัดเป็นแท่ง แล้วเผาให้เป็นถ่านเอาไว้ใช้หุงต้มได้
หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว มีการปลูกพืชหมุนเวียนเป็นงาดำ ขณะนี้อายุ 3 เดือนแล้ว เพิ่งเคยเห็นต้นงาดำเป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ
เราเดินไปอีกหลายที่เกี่ยวกับโครงการเพาะเนื้อเยีื่อ ทำไบโอดีเซล ทำน้ำผึ้ง เพาะสาหร่ายสไปรูไรน่า โรงเพาะเห็ด โรงหล่อเทียน และแวะซื้อของฝาก
แล้วเจ้าหน้าที่คนสวยก็เดินมาส่งเราที่จุดเริ่มต้น ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมขอบคุณ
ของขวัญจากทางโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
หลังจากเดินออกมาถึงประตูที่เราเข้ามาเมื่อเช้า รู้สึกอิ่มใจ ในความรู้ที่ได้รับ และความรู้สึกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของปวงชนชาวไทยเรา ได้คิดริเริ่มทำโครงการที่เชื่อมโยงกันทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนของโครงการสูญเปล่าหรือว่าต้องทิ้งไป ทุกอย่างสามารถนำไปแปรรูป ประยุกต์ ใช้ใหม่ ได้เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นหรือไม่
มาดูกันว่าคราวหน้าเล็กจะพาไปเที่ยวไหนค่ะ รับรองสนุกอีกแน่ๆ อิอิ