By Lek Farmfunbook
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของงานมหกรรมหนังสือ Big Bad Wolf กันแล้วนะคะ อีกแค่ 3 วันเต็มๆ !! ย้ำว่า 3 วันเต็มๆ เพราะว่าเค้าขยายเวลาเพิ่มให้อีก 1 วัน รวมเป็นเวลา ประมาณ 63 ชั่วโมงนับจากบัดนี้
โดยขยายเวลาให้เดินช๊อปกัน ถึงวันจันทร์ที่ 22 สค. 22.00 น. ไม่มีหยุด เรียกได้ว่าขายทั้งวันทั้งคืน ให้จุใจกันเป็นเลยค่ะ
งานหนังสือ Big Bad Wolf เพิ่งจัดในประเทศไทยครั้งแรก หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงานในประเทศมาเลเซีย และ อินโดนีเซีย
เล็กเพิ่งมีโอกาสไปที่นั่นเมื่อวานนี้ หลังจากใช้เวลาเคลียร์งานหลายๆ อย่าง รู้สึกประทับใจมาก กับหนังสือใหม่ดีๆ ราคาถูกสุดๆ ที่ไม่คิดว่าจะเจอที่ไหนอีกแล้ว ลดมากมาย ถล่มทลาย 60-80%
สถานที่ใหญ่โต กว้างขวาง เดินจนเมื่อย มองสุดลูกหูลูกตา เหมาะสมกับการขายที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกแบบนี้
สำหรับใครที่ไม่เคยซื้อหนังสือภาษาอังกฤษแบบใหม่เอี่ยม อาจจะนึกภาพไม่ออก ว่ามันน่าสนใจอย่างไร
เล็กจะยกตัวอย่างให้ซักนิด เช่น ถ้าเราจะหานิทานปกอ่อนภาษาอังกฤษเพื่ออ่านให้เด็กอายุ 3-5 ปี ฟังซักเล่ม ขนาดกลางๆ ราคาหนังสือใหม่ที่ซื้อตามร้านหนังสือ จะอยู่ประมาณ 250 บาทขึ้นไปต่อเล่ม แต่ในงานนี้ขาย 110 บาท
หรือหนังสือให้ความรู้ ปกแข็งหนาๆ มีภาพจริงๆ เช่นร่างกาย , สัตว์, อวกาศ ราคาหนังสือใหม่จะอยู่ประมาณ 500 บาทขึ้นไป แต่สามารถหาจากที่นี่ได้ในราคา 180 บาทขึ้นไป (แล้วแต่เรื่อง)
เกริ่นกันมาเยอะแล้ว วันนี้จะขอมารีวิวงานนี้ ในมุมมองของแม่ค้าขายนิทานภาษาอังกฤษมือสอง ว่ามันมีอะไรน่าสนใจ ควรรีบไปจับจองหนังสือแบบไหน เดินอย่างไร เพื่อให้เจอหนังสือที่เราสนใจเร็วที่สุด และข้อแนะนำบางอย่างที่เล็กนึกออก เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณลูกๆ ที่น่ารัก
เมื่อมาถึงงาน ด้านหน้า จะเห็นบู๊ทร้านหนังสือนายอินทร์ ดึงดูดสายตาด้วยป้ายลดราคา เอ๊ะอะไร สายตาไวเหมือนเรดาร์เห็นก่อนเลย ลด 80% เดินไปอีก เจอ 70% และ 60%
หนังสือดีๆ ทั้งนั้นยิ่งหนังสือปกแข็ง ที่ได้รับรางวัล หนังสือดี เห็นแล้วคิดถึงลูกค้าที่มีลูกยังเล็ก ว่าเหมาะเหลือเกินที่จะซื้อมาให้ลูกอ่าน ถ่ายรูปมาฝากกันด้วยค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน!! ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อ เพราะว่าหนังสือนิทานภาษาอังกฤษข้างในมีอีกเยอะ ถ้าเราซื้อก่อนแล้ว มันจะเพิ่มภาระในการถืออย่างมาก หรือว่าซื้อแล้วจะฝากเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ
เมื่อมาถึงด้านใน ให้หยิบตระกร้าสีแดงมีล้อมาก่อนเลย คนละ 1 ใบ จะซื้อหรือว่าไม่ซื้อ หยิบมาก่อน เพราะเราไม่รู้ว่า เดี๋ยวจะเจอหนังสือดีๆ ที่เราถูกใจมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเดินไปแล้ว กว่าจะกลับมาที่จุดทางเข้า เพื่อหยิบตะกร้า ขอบอกว่าไกลมาก เดินจนเหนื่อยค่ะ
ถ้าใครตั้งใจมาแล้วว่า "จะมาเหมา" ขอแนะนำ "รถเข็นช๊อปปิ้ง" เหมือนในห้างเลยค่ะ ใหญ่จุใจ จะขอบอกว่า ในงานนี้ เล็กเห็นคนที่มาเหมาแบบนี้เยอะมากนะคะ ใส่จนล้นตะกร้าเลยค่ะ บางคนเอาตะกร้าสีแดงมาผูกติดกันเป็นรถไฟเลย
เริ่มเดินกันเลยค่ะ ณ.จุดทางเข้า มองสุดลูกหูลูกตา ละลานตามากๆ ยิ้มในใจ สนุกล่ะ
แต่ละโต๊ะหนังสือจะมี "ตัวเลข" เรียงตามลำดับ และมีป้ายบอกว่า เป็น"หนังสือเกี่ยวกับอะไร"
มองทางซ้ายจะเป็นส่วนของหนังสือนิยาย นวนิยาย หนังสือ How to , บริหาร สำหรับผู้ใหญ่ เป็นการเริ่มต้นโต๊ะที่ 1
มองตรงกลางจะเป็นส่วนของหนังสือ ทำอาหาร, รถ, เขียนแบบ, สถาปัตยกรรม, สัตว์, ศิลปะ
มองด้านขวา จะเป็นส่วนของหนังสือเด็ก ประมาณที่โต๊ะ 100 ขึ้นไป ขอแนะนำว่ามาถึงแล้ว ให้มุ่งตรงไปยังโซนนี้ก่อนเลยนะคะ อย่าไปคิดว่าเดี๋ยวค่อยๆเดินจากโต๊ะที่ 1 แล้วค่อยๆ ไล่มาจนจบ จะขอบอกว่า "จบข่าว"แน่ๆ เพราะว่าจะเหนื่อยก่อนที่จะไปถึงโซนเด็ก
ที่โซนนี้ จะมีทั้งหนังสือบอร์ดบุ๊ค หนังสือปกแข็ง หนังสือลูกเล่นแถมตุ๊กตา หนังสือลูกเล่นป๊อปอัพ หนังสือปกอ่อน หนังสือวรรณกรรมเด็ก หนังสือหัดอ่าน หนังสือแบบฝึกหัด หนังสือสติ๊กเกอร์ หนังสือลอยน้ำได้ หนังสือดัง มากมาย
แต่ละโต๊ะอาจจะวางหนังสือเป็นกองๆ ไม่ซ้ำปกกันเลย เดินวนเป็นสี่เหลี่ยมรอบโต๊ะได้เลย แนะนำว่า ถูกใจแล้วหยิบได้เลย อย่าคิดว่าจะกลับมาพิจารณาอีกทีว่ายังชอบไหม เพราะว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอ (เพราะโต๊ะเยอะ) หรือว่าลืมไปเลย หรือว่าเหนื่อย หรือว่าขี้เกียจกลับมาหา
แนะนำให้เดินเป็นแถวๆ ถ้ายิ่งเดินได้ตาม "เลขที่โต๊ะ" ก็จะได้เดินทั่วถึง เนื่องจากว่าแต่ละโต๊ะเราต้องเดินวนเป็นสี่เหลี่ยม ดังนั้น วนไป วนมา มันงงนะคะ ขอบอก คอเคล็ดได้เหมือนกัน
ขนาดว่าเล็กเริ่มเดินจากแถวด้านในสุดเป็นแถวๆ แล้ว เงยหน้าขึ้นมาอีกที อ้าว!! ทำไมมันมาอยู่ตรงกลางห้องได้ งง อยู่นาน มองไปมองมา อ๋อ มันมาเสริมด้านข้างด้วย
พูดไป หนังสือที่น่าสนใจ ถูก และ ดี ก็น่าจะเป็นบอร์ดบุ๊ค ที่เหมาะสำหรับเด็กทารก - 3 ปี เพราะว่าราคากระชากใจจริงๆ เรียกว่าถูกมาก (แต่ก็ยังไม่ถูกกว่าหนังสือมือสองนะคะ อิอิ)
ปกติถ้าจะซื้อหนังสือบอร์ดบุ๊คเล่มเล็กซักเล่ม ในร้านหนังสือชั้นนำ ราคาก็จะประมาณ 150-180 บาท แต่ในงาน ที่เห็นน่ารักๆ ราคา 80 บาทค่ะ ต้องลองไปเลือกที่ชอบนะคะ
หนังสือสติ๊กเกอร์ หนังสือกิจกรรม น่าสนใจทั้งนั้น ทั้งคิตตี้, เจ้าหญิง, Cars, โทมัส เพียบๆๆๆ เลยค่ะ
สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย ที่เรียนใน รร.อินเตอร์ ก็คงจะสนใจพวกหนังสือวรรณกรรม Young Adult ก็มีให้เลือกมากพอสมควร (ไม่มากนัก ไม่ซะใจแม่ค้าหนังสือวรรณกรรมอย่างเรา) ราคาก็ถูกมากค่ะ ถ้าเทียบกับต้องไปซื้อหนังสือใหม่ ตกเล่มละประมาณ 110 - 150 บาท
แต่หนังสือที่มีเยอะก็จะเป็นพวก นิยาย นวนิยาย สำหรับผู้ใหญ่ เรื่องดัง The Hunger Game ทำออกมาถูกมากๆ เล่มละ 100 กว่าบาทเองค่ะ จากปกติ300 กว่าบาท
ถ้าให้วิเคราะห์ดูจะเห็นว่าเค้าเน้นหนังสือเด็ก เป็นครั้งหนึ่งของในงาน ที่เหลือจะคละๆ กัน ทั้งหนังสือ นิยาย งานฝีมือ อาหาร รถ อุปกรณ์ บริหาร ตกแต่ง ลายเส้น ศิลปะ
เล็กใช้เวลาเดินเฉพาะโซนเด็กแบบรีบๆ อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนแรกดูอย่างตั้งใจ หลังจาก 2 ชั่วโมง เริ่มแบบ ปล่อยๆผ่านๆ มันบ้าง ไม่ไหว บางโต๊ะก็มีหนังสือซ้ำปกกับโต๊ะก่อน เริ่มจับทางถูก
ถัดจากนั้นก็เริ่มเดินบริเวณอีกครั้งหนึ่งที่เป็นหนังสืออื่นๆ ที่เราไม่ได้สนใจมาก ก็เดินผ่านๆ แวะดูบ้าง ก็เห็นเลยว่า ราคาถูกมาก ใครสนใจพวกหนังสือทำอาหาร เล่มใหญ่ๆ หนาๆ หนังสือเกี่ยวกับรถ หนังสือเกี่ยวกับการตกแต่ง ลดมากมาย
ถ้าเทียบราคาหนังสือครั้งนี้กับหนังสือมือสอง ขอบอกว่า หนังสือมือสองย่อมถูกกว่าอยู่แล้ว แต่ว่าบางส่วนก็มีราคาใกล้เคียงกันแบบ ซื้อใหม่ก็คุ้มกว่า ดีกว่า 5555 อันนี้ว่ากันตรงๆ
แต่เท่าที่เล็กดูมา ไม่เคยเห็นเทศกาล หรือ งานหนังสือ ที่ขายหนังสือภาษาอังกฤษใหม่ๆ จะลดราคาถูกแบบที่เราสามารถซื้อได้นะคะ ส่วนมากลดมากสุดก็ 20% ซึ่งก็ยังรู้สึกว่าแพงอยู่ดี แต่งานนี้ ถูกแบบสบายกระเป๋าจริงๆ เชียร์ให้ไปกันนะคะ
ช๊อปเสร็จแล้ว ถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน ก็เห็นกันทางไว้อย่างดี ทำเป็นแถวงูเลยค่ะ คงเตรียมไว้สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ที่คนจะต้องถล่มทลายแน่ๆ
หลังชำระเงินเสร็จก็เดินไปที่ทางออก ขอบอกว่าทางออกค่อนข้างแคบ เป็นคอขวด มีลูกค้าบางท่านมาแวะพักอยู่แถวนั้น ทำให้เดินออกลำบากนิดหนึ่งค่ะ
ออกมาข้างนอกนึกว่าเสร็จแล้ว ลองแวะดูนายอินทร์ซักหน่อยดีกว่า เหลืออยู่มือเดียวแล้ว เพราะว่าเดินลากกระเป๋าอย่างหนัก เลือกหนังสือก็ไม่ถนัด หยิบๆๆๆๆ มันเลยแล้วกัน หนังสือที่เลือกให้เนยอ่าน ราคาอยู่ประมาณ 20-90 บาทเท่านั้น ถูกใจเธอทุกเล่มค่ะ
ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
**พนักงานไม่ค่อยรู้เรื่องหนังสือมากนัก ถ้าชื่อหนังสือก็ไม่ทราบว่าหนังสือมีหรือไม่ (ก็แน่ละซิ เพราะว่าหนังสือมีมากมายถึง 2 ล้านเล่ม :) )
**อยากให้มีระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อค้นหารายชื่อหนังสือที่สนใจ และรู้ว่ามันอยู่บู๊ทไหน จะได้ย่นระยะเวลาในการงม หาหนังสือทุกบู๊ท คงจะยาก ใครจะมานั่งคีย์รายละเอียดทั้งหมด (ว่างั้นไหม)
**การเรียงหนังสือแต่ละโต๊ะดีแล้ว แต่ว่าน่าจะเรียงให้มันต่ำหน่อย ให้มองเห็นด้านตรงข้ามได้ บางทีจะได้ไม่ต้องวนไปอีกฝั่ง ถ้าสนใจค่อยเดินไปดู แต่ส่วนมากเค้าจะเรียงหนังสือสูง ทำให้เรามองฝั่งตรงข้ามไม่เห็น ต้องเดินวนรอบโต๊ะเลย ตาลาย มึนด้วย (แก่แล้ว อิอิ)
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
1.สวมรองเท้าง่ายๆ สบายๆ (ไม่ควรสวมส้นสูง) เพราะว่าเราต้องเดินนาน
2.เตรียมเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จึงจะเดินครบฝั่งหนังสือเด็ก
3.ถ้าอยากจะเดินครบ ทั้งงานก็ควรมีเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
4.เตรียมน้ำใส่ดื่มไปให้พร้อมในกระเป๋า ขาดไม่ได้ จะได้ไม่ต้องออกมาซื้อข้างนอก
5.ถ้านำเด็กมาด้วย เตรียมขนมปังใส่กระเป๋าไปบ้างเผื่อหิวฉุกเฉิน
(อันนี้ไม่แน่ใจว่าเค้าให้นำอาหารเข้าไปได้ไหม)
6.ขณะเดินควรระมัดระวังกระเป๋าตังค์ มือถือ ให้ดี ถึงแม้ว่างานนี้จะดูว่าคนที่มาซื้อ ส่วนมากเป็นคนระดับกลาง พอมีฐานะ ในการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่ควรประมาท
7.ถ้าต้องการดูหนังสือให้ครบ ควรเดินเป็นแถวๆ จะได้ง่ายต่อการจำ
8.ถ้ามีหนังสือที่ต้องการอยู่แล้วในใจ รีบไปบริเวณนั้นก่อน เพราะเดี๋ยวเดินแล้วจะเหนื่อย ก่อนจะเจอหนังสือที่อยากได้
9.นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สดใส ก่อนที่ออกไปลุยกันนะคะ
อ่านจบแล้ว อย่ามัวรีรอ รีบไปลุยกันนะคะ หวังว่าคงได้หนังสือดีๆ มาฝากคุณลูกๆ นะคะ เพื่อให้เด็กไทย รักการอ่าน คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังทุกวันนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น